ปัจจุบัน รูปแบบการทำงานของเราได้มีการเปลี่ยนแปลง จากการที่แต่ละคนเคยทำงานหลายๆอย่าง เช่น พนักงานต้อนรับ อาจรับโทรศัพท์ จัดแฟ้มเอกสาร พิมพ์เอกสาร เป็นการใช้มือทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไป ทำให้พนักงานตำแหน่งหนึ่งจะทำงานที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องทำงานในลักษณะเดียวตลอดทั้งวันเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะเราจะเห็นว่า งานหลายๆอย่างในปัจจุบันมักจะใช้คอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บสะสม(Cumulative trauma disorder) ซึ่งเป็นการบาดเจ็บแบบสะสมทีละเล็กทีละน้อยเป็นเวลานาน มักเกิดจากการทำงานเกินกำลัง หรือ การทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้องซ้ำๆเป็นเวลานาน เป็นการบาดเจ็บแบบทีละน้อย แต่หากฝืนทำเรื่อยๆ จะเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นอย่างชัดเจน ตัวอย่างการบาดเจ็บชนิดนี้ เช่น เอ็นข้อมืออักเสบ นิ้วตายหรือชาด้าน ข้อศอกอักเสบ เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น พนักงานธุรการคนหนึ่งที่ปฏิบัติงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ทั้งวันเป็นระยะเวลาหลายปี ตื่นนอนขึ้นมาด้วยอาการมือชาและไม่มีแรง ไม่สามารถหยิบจับของได้ โดยสังเกตว่า จากการทำงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อสิ้นสุดการทำงานในแต่ละวัน มือและข้อมือจะรู้สึกล้าเพราะต้องปฏิบัติงานอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งวันเป็นระยะเวลานาน จนกระทั่งเริ่มรู้สึกว่าผิดปกติเมื่อเกิดอาการชาขึ้น
โรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ(Carpal tunnel syndrome) เป็นโรคที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ใช้ที่ข้อมือ หรือการใช้งานข้อมือท่าเดิมๆ คนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นประจำนานๆจะเป็นพังผืดบริเวณข้อมือ เนื่องจากการใช้เม้าส์โดยใช้ ข้อมือเป็นจุดหมุน หรือแม้แต่กดคีย์บอร์ด จะมีอาการปวด ชา ตั้งแต่บริเวณข้อมือจนถึงปลายนิ้ว ซึ่งมักมีอาการมากบริเวณนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง หรือในบางรายอาจมีอาการได้ทั้งฝ่ามือ ถ้าเส้นประสาทถูกกดทับมากขึ้น จะทำให้อาการอ่อนแรงของมือ หยิบจับของลำบาก หรือถือของหล่นบ่อยๆ และทำให้กล้ามเนื้อบริเวณฝ่ามือลีบลง
อาการบาดเจ็บเหล่านี้เริ่มพบเห็นจากการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้พนักงานต้องหยุดงานบ่อยๆ ในต่างประเทศก็มีการเคลื่อนไหวของสหพันธ์แรงงานในการขอให้มีการกำหนดมาตรฐานการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการยศาสตร์ หรือการคุ้มครองพนักงานที่บาดเจ็บและต้องหยุดพักเพื่อรักษาตัวเป็นเวลาหลายเดือนโดยได้รับค่าจ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากเหล่าเจ้าของธุรกิจ เนื่องจากเห็นว่า เป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและเป็นสิ่งที่เกินจำเป็นสำหรับธุรกิจ
นายจ้างหลายองค์กรอาจจะเห็นความสำคัญ มีการปรับปรุงสถานีงาน(Work Station) อุปกรณ์ช่วยการทำงาน จัดให้มีเวลาพักเป็นระยะ และให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่ถูกต้องและการออกกำลังยืดเหยียดกล้ามเนื้อ แต่พนักงานจำนวนไม่น้อยที่แม้ว่าจะทราบถึงความเสี่ยงจากการที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ก็มักจะไม่ปฏิบัติตาม
ผลของการทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จนอาการบาดเจ็บสะสมเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ไม่สามารถแต่งตัว หรือติดกระดุมเม็ดบนได้ด้วยตนเอง สายตาอ่อนล้า ปวดหลังและคอ และรวมถึงอาการปวดหัว แม้ว่าจะได้รับการรักษาด้วยยา หรือกายภาพบำบัดแล้วก็ยังไม่เพียงพอ อาจเป็นมากจนจำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งย่อมส่งผลกระทบกับการทำงานอย่างแน่นอน หากไม่สามารถใช้มือในการทำงานได้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม ไม่สามารถพิมพ์งานหรือใช้คอมพิวเตอร์ได้
การมีท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เช่นวางจอคอมพิวเตอร์ไว้ด้านข้าง ทำให้ต้องหันหน้าไปยังมุมใดมุมหนึ่งตลอดทั้งวัน ไม่มีการเตลื่อนไหวไปรอบๆ ทำให้เกิดอาการตึงและผิดปกติที่กล้ามเนื้อ
คนส่วนใหญ่แม้ว่าจะรู้ว่าต้องมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มักจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญจนอาการบาดเจ็บเกิดขึ้น กรณีที่ทราบปัญหาตั้งแต่เริ่มแรก ก็สามารถรักษาได้ทัน อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ปฏิบัติงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานอาจเกิดขึ้นได้มากน้อยแตกต่างกันขึ้นกับแต่ละบุคคล
แม้ว่า นายจ้างหลายองค์กรจะเห็นความสำคัญของสุขภาพอนามัยของพนักงาน ด้วยการปรับปรุงสภาพการทำงาน ให้ความรู้ และมีประกันสุขภาพให้แก่พนักงาน แต่พนักงานก็ควรจะใส่ใจในการออกกำลัง และปฏิบัติงานตามมาตรฐานการทำงานที่ปลอดภัยอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ เพราะหากพนักงานละเลยจนอาการบาดเจ็บเรื้อรังจนยากแก่การแก้ไข ย่อมหมายถึงการสูญเสียงาน หรือสูญเสียอนาคตได้